มอญ บางจะเกร็ง
องค์ บรรจุน
ชุมชนมอญ บางจะเกร็ง จังหวัดสมุทรสงคราม ตั้งอยู่หมู่ที่ ๑ ตำบลบางจะเกร็ง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เป็น ชุมชนมอญ อีกแห่งหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน แม้ไม่มีหลักฐานที่สามารถยืนยันอายุของการตั้งชุมชนแห่งนี้ แต่จากหลักฐานทางโบราณสถานในชุมชนใกล้เคียง และชื่อบ้านนามเมืองที่มีการบอกเล่าและเรียกขานกันสืบมานั้น ล้วนแสดงให้เห็นว่า ชุมชนมอญบางจะเกร็ง เป็น ชุมชนมอญ เก่าแก่แห่งหนึ่งในจังหวัด สมุทรสงคราม
เมื่อศึกษาพระประวัติของกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ กล่าวคือ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ (นาก) ท่านเป็นบุตรีของคหบดีชาว มอญ เมืองอัมพวา ต้นตระกูลของท่านสืบเชื้อสายมาจากท่านตาเจ้าพรและท่านยายเจ้าชี ท่านทั้งสองมีบุตรชื่อ ทอง ต่อมาได้แต่งงานกับ ท่านสั้น (ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงสถาปนาถวายพระนามว่า สมเด็จพระรูปศิริโสภาคมหานาคนารี) มีบุตรธิดาถึง ๑๐ องค์ด้วยกัน สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ นามเดิมว่า นาก เป็นธิดาองค์ที่ ๔ และต่อมาได้แต่งงานกับหลวงยกกระบัติเมืองราชบุรี ซึ่งต่อมาคือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ (คัดจาก พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดา ของ ส.พลายน้อย, หน้า ๓๒-๔๐)
เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ขณะนั้นบ้านเดิมของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ยังคงสถานะเป็นตำบลอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม
จากหลักฐานดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่า ตำบลอัมพวาในสมัยนั้นน่าจะเป็น ชุมชนมอญ ขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และอาจมีชาวมอญอยู่กระจัดกระจายในตำบลข้างเคียงมากบ้างน้อยบ้างบริเวณปากน้ำแม่กลอง อันเป็นชัยภูมิที่ดีในการอยู่อาศัยและประกอบอาชีพ
เมื่อศึกษาพระประวัติของกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ พระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ ๑ กล่าวคือ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ (นาก) ท่านเป็นบุตรีของคหบดีชาว
เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ขณะนั้นบ้านเดิมของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ ยังคงสถานะเป็นตำบลอัมพวา แขวงเมืองสมุทรสงคราม
จากหลักฐานดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นว่า ตำบลอัมพวาในสมัยนั้นน่าจะเป็น
ค่ายบางกุ้ง
นอกจากประวัติศาสตรในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ครั้นต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกัน หลังจากพระเจ้าตากสินมหาราชได้กอบกู้เอกราช ภายหลังสงครามคราวเสียกรุง กลับคืนมาได้แล้ว พระเจ้าตากสินยังต้องทำสงครามขับเคี่ยวกับพม่าอีกหลายครั้ง เพราะพม่าต้องการปราบปรามไทยให้สิ้นซาก เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนที่คนไทยจะรวมตัวกันเข้มแข็งขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันกองทัพไทย นำโดยพระเจ้าตากสินมหาราช ก็ต้องทำการปกป้องแผ่นดินอย่างเต็มกำลัง สงครามระหว่างไทยกับพม่าครั้งแรกหลังจากพระเจ้าตากสินทรงสถาปนาเมืองธนบุรีขึ้นนั้น คือสงครามรบพม่าที่ค่ายบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๑ เป็นสงครามครั้งใหญ่ที่ไทยเอาชนะพม่าได้ เท่ากับเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจของผู้คนกลับคืนมา ซึ่งในการรบครั้งนั้นมี ทหารมอญ ร่วมอยู่ในกองทัพไทยจำนวนมาก เนื่องจาก มอญ เองก็เพิ่งถูกพม่าปราบปรามเข่นฆ่าอย่างหนัก ทะลักเข้าไทยมาก่อนหน้าไม่นาน เข้ามารับราชการอยู่กับพระเจ้าตากสิน เมื่อการสู้รบกับพม่าที่ค่ายบางกุ้งได้รับชัยชนะแล้วนั้น คาดว่าทางการยังคงทิ้งกองทหารไว้รอศึกที่อาจย้อนกลับมาตลบหลัง และอาจเกิดจากความสมัครใจของชาว มอญ เอง ที่ได้พบ ชุมชนมอญ เก่าแก่ที่แขวงเมือง อัมพวา ชุมชนมอญ เก่าแก่ที่มีอยู่แล้วเมื่อรวมกับชาว มอญ กลุ่มใหม่นี้ ประกอบกับชัยภูมิเมืองที่ดีเหมาะแก่การอยู่อาศัย จึงได้เกิดการขยายตัวขึ้นเป็น ชุมชนมอญ ขนาดใหญ่ และดำรงอยู่มาจนกระทั่งทุกวันนี้
ปัจจุบัน ชุมชนมอญ ที่ อัมพวา นั้นมีเพียงเรื่องเล่า ผู้คนและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งหลายหลงเหลืออยู่ไม่มากนัก ผิดกับที่ ชุมชนมอญบางจะเกร็ง ที่ยังเป็น ชุมชนมอญ ที่เข้มแข็ง แม้การใช้ ภาษามอญ ของชาวบ้านจะเหลือน้อย มีเพียงผู้เฒ่าผู้แก่เท่านั้นที่ยังคงใช้ ภาษามอญ แต่ชาวบ้านรวมทั้งผู้นำชุมชน ได้แก่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าอาวาสวัด ยังคงเห็นความสำคัญของวัฒนธรรม ประเพณีมอญ มีการอนุรักษ์ประเพณีสงกรานต์ การแห่โหน่ (ธงตะขาบ) อยู่มิได้ขาด
ชุมชนมอญบางจะเกร็ง มีวัดศรัทธาธรรม (วัดมอญ) เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งเจ้าอาวาสที่ผ่านมาทุกรูปและเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระครูพิพิธพิพัฒนโกศล (พ.ศ. ๒๕๔๙) ต่างเอาใจใส่ในเรื่อง วัฒนธรรมประเพณีมอญ มิได้ขาด ภายในวัดยังปรากฎ เสาหงส์ และมีการ แห่โหน่ (ธงตะขาบ) ในเทศกาลสงกรานต์ทุกปี มีการรวมกลุ่มแม่บ้านผลิตสินค้าพื้นบ้านเป็นสินค้า หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ ได้แก่ ขนมกะละแม ซึ่งเป็น ขนมมอญ โบราณ ทั้งยังได้ใช้ชื่อสินค้าว่า “กะละแมรามัญ” มีการกวน กะละแม สาธิตให้นักท่องเที่ยวชมทุกวัน สินค้ามีวางจำหน่ายที่ร้านค้าของวัด และสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้ง อุโบสถไม้สักทอง ฝังมุก หนึ่งเดียวในสยาม เป็นพระอุโบสถที่สวยงามแปลกตา และมีชื่อเสียงระดับประเทศ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้บรรจุรายชื่อวัดแห่งนี้ไว้ในตารางการท่องเที่ยว (UNSEENTHAILAND) อีกด้วย
นอกจากประวัติศาสตรในช่วงเวลาดังกล่าวแล้ว ครั้นต่อมาในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต่อเนื่องกัน หลังจากพระเจ้าตากสินมหาราชได้กอบกู้เอกราช ภายหลังสงครามคราวเสียกรุง กลับคืนมาได้แล้ว พระเจ้าตากสินยังต้องทำสงครามขับเคี่ยวกับพม่าอีกหลายครั้ง เพราะพม่าต้องการปราบปรามไทยให้สิ้นซาก เป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ก่อนที่คนไทยจะรวมตัวกันเข้มแข็งขึ้นมาอีก ขณะเดียวกันกองทัพไทย นำโดยพระเจ้าตากสินมหาราช ก็ต้องทำการปกป้องแผ่นดินอย่างเต็มกำลัง สงครามระหว่างไทยกับพม่าครั้งแรกหลังจากพระเจ้าตากสินทรงสถาปนาเมืองธนบุรีขึ้นนั้น คือสงครามรบพม่าที่ค่ายบางกุ้ง จังหวัดสมุทรสงคราม เมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๑ เป็นสงครามครั้งใหญ่ที่ไทยเอาชนะพม่าได้ เท่ากับเป็นการเรียกขวัญและกำลังใจของผู้คนกลับคืนมา ซึ่งในการรบครั้งนั้นมี
ปัจจุบัน
ชุมชนมอญบางจะเกร็ง มีวัดศรัทธาธรรม (วัดมอญ) เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งเจ้าอาวาสที่ผ่านมาทุกรูปและเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน คือ พระครูพิพิธพิพัฒนโกศล (พ.ศ. ๒๕๔๙) ต่างเอาใจใส่ในเรื่อง
อุโบสถไม้สักทอง ฝังมุก วัดศรัทธาธรรม
- มอญสมุทรสงคราม -
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น